
แกรม คืออะไร?
แกรม (GSM) ย่อมาจาก Grams per Square Meter หรือ กรัมต่อตารางเมตร เป็นหน่วยที่ใช้วัด "น้ำหนัก" ของกระดาษ โดยหมายถึงน้ำหนักของกระดาษขนาด 1 ตารางเมตร ว่ามีความหนักกี่กรัม
- ยิ่งเลขแกรมสูง กระดาษจะยิ่งหนาและแข็งแรง
- เลขแกรมต่ำ กระดาษจะบาง เบา และยืดหยุ่น
ตัวอย่าง:
- กระดาษ 300 แกรม = กระดาษแข็งสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์หรือการ์ด
- กระดาษ 80 แกรม = กระดาษถ่ายเอกสารทั่วไป
ทำไมไม่เรียกว่าความหนา (Thickness) ตรง ๆ?
เพราะแม้กระดาษจะมีแกรมเท่ากัน แต่ความหนาอาจต่างกันได้ เนื่องจากกระบวนการผลิตและเนื้อวัสดุที่ใช้ในกระดาษ เช่น กระดาษอาร์ตมัน กับกระดาษปอนด์ 120แกรม อาจมีสัมผัสความหนาที่ต่างกัน ดังนั้น “แกรม” เป็นการวัดน้ำหนักมากกว่าความหนาโดยตรง แต่ก็พอใช้แทนกันในเชิงปฏิบัติ
ความหนาของกระดาษมีผลต่อคุณภาพงานพิมพ์อย่างไร?
การเลือกแกรมกระดาษให้เหมาะสมมีผลอย่างมากต่อ ภาพลักษณ์, ความทนทาน, และ ความประทับใจแรก ที่งานพิมพ์จะสร้างให้กับผู้พบเห็น โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องใช้สื่อสิ่งพิมพ์ในการสื่อสารแบรนด์หรือขายสินค้า
ตัวอย่างผลกระทบของการเลือกแกรมไม่เหมาะสม:
- ใบปลิวแกรมบางเกินไป → ยับง่าย ไม่ดึงดูด
- กล่องสินค้าที่ใช้กระดาษบาง → ยุบง่าย ลูกค้าอาจมองว่าสินค้าไม่พรีเมียม
- การ์ดแต่งงานใช้กระดาษหนาเกินไป → ใส่ซองลำบาก จัดส่งยาก
จุดเด่นของการเลือกแกรมให้เหมาะ:
- รองรับเทคนิคพิเศษ: กระดาษแกรมสูงสามารถรองรับการเคลือบ UV, ปั๊มฟอยล์, ไดคัท, หรือการเคลือบอื่น ๆ ได้ดี
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ: งานพิมพ์ที่ใช้กระดาษหนาจะดูมีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับผู้รับ
- ดึงดูดความสนใจ: การใช้กระดาษที่มีแกรมเหมาะสม ช่วยให้งานพิมพ์มีความเด่น ชัดเจน สะดุดตา
ตารางเปรียบเทียบความหนาของกระดาษแต่ละประเภท พร้อมตัวอย่างการใช้งาน
ค่ากระดาษ (gsm) | ความหนาโดยประมาณ | ลักษณะกระดาษ | ตัวอย่างการใช้งาน |
60 - 80 gsm | บาง | เบา พับง่าย | กระดาษถ่ายเอกสาร, หนังสือพิมพ์ |
100 - 120 gsm | ปานกลาง | ยืดหยุ่นดี | แผ่นพับ, ใบปลิวทั่วไป |
160 - 200 gsm | ค่อนข้างหนา | เริ่มแข็ง | โปสเตอร์, ปกหนังสือบาง |
250 - 300 gsm | หนา | แข็ง ทนทาน | นามบัตร, การ์ดแต่งงาน, กล่องขนาดเล็ก |
350 - 400 gsm | หนามาก | พรีเมียม แข็งแรง | นามบัตรพรีเมียม, กล่องสินค้าแบบพิเศษ |
เลือกแกรมกระดาษอย่างไรให้เหมาะกับงานพิมพ์ของคุณ?
1. ประเภทของงานพิมพ์
เลือกแกรมให้เหมาะกับชนิดงาน เช่น:
- เอกสารทั่วไป → 70-80 gsm
- ใบปลิว, แผ่นพับ → 100-120 gsm
- โปสเตอร์, ปกหนังสือ → 160-200 gsm
- การ์ดเชิญ, การ์ดแต่งงาน → 200-300 gsm
- นามบัตร → 250-350 gsm
- กล่องสินค้า → 300 gsm ขึ้นไป
2. งบประมาณที่มี
- กระดาษแกรมสูง ราคาจะสูงขึ้นตามน้ำหนัก
- งานแจกจำนวนมาก เช่น ใบปลิวโฆษณา เลือก 100-120 gsm จะคุ้มค่ากว่า
- งานพรีเมียมหรือสินค้ามีราคา ควรลงทุนในกระดาษแกรมสูง
3. เทคนิคการพิมพ์ที่ต้องใช้
- หากมีการ เคลือบ PVC, ปั๊มฟอยล์, Spot UV → ควรใช้กระดาษ 200 gsm ขึ้นไป เพื่อไม่ให้กระดาษเสียรูป
- การไดคัท → ใช้แกรมสูงเพื่อคงรูปทรงชิ้นงาน
4. การขนส่งและการพับ
- แกรมต่ำ → พับง่าย ส่งง่าย น้ำหนักเบา
- แกรมสูง → สวยแต่หนัก อาจเพิ่มค่าขนส่ง ต้องใช้เครื่องช่วยพับ
เทคนิคเพิ่มเติม: วิธีดูแกรมกระดาษโดยไม่ต้องใช้เครื่องชั่ง
หากไม่มีเครื่องมือวัด หรือกำลังเลือกระหว่างตัวอย่างกระดาษต่าง ๆ ต่อไปนี้คือวิธีสังเกตง่าย ๆ:
- สัมผัสความหนาด้วยนิ้วมือ: ลองเทียบระหว่าง 2 แผ่น จะรู้สึกถึงความหนา-บางทันที
- ลองพับดู: กระดาษบางจะพับง่ายโดยไม่เป็นรอยหยัก
- ทดลองเคาะบนพื้นแข็ง: กระดาษหนาจะมีเสียงแน่นกว่ากระดาษบาง
- ใช้แสงส่องผ่าน: กระดาษบางแสงจะทะลุได้มากกว่า
เลือกแกรมผิด มีผลอะไร?
การเลือกแกรมไม่เหมาะสมอาจทำให้:
- ❌ งานเสียหายหลังพิมพ์
- ❌ เคลือบฟอยล์ไม่ติด
- ❌ ใส่ซองหรือกล่องไม่ได้
- ❌ ลูกค้าประเมินว่าสินค้าดูราคาถูก
- ❌ ค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น
ตัวอย่างสถานการณ์จริง:
- ธุรกิจร้านอาหาร: ใช้เมนูอาหารกระดาษ 120 gsm อาจขาดง่ายเมื่อโดนน้ำ → ควรเลือก 200 gsm เคลือบมันเพื่อกันน้ำ
- โรงเรียน: ใบเกรดหรือใบรับรองที่ใช้เพียง 80 gsm ดูไม่น่าเชื่อถือ → ควรใช้ 160 gsm ขึ้นไป
- ร้านขายเครื่องสำอาง: กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กระดาษต่ำกว่า 250 gsm มักไม่แข็งแรงพอ → ส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์
แกรม VS ความหนา (Thickness) ต่างกันหรือเหมือนกัน?
- แกรม = น้ำหนักของกระดาษต่อ 1 ตารางเมตร
- ความหนา = ระยะทางระหว่างผิวหน้าทั้งสองด้านของแผ่นกระดาษ
แม้จะสัมพันธ์กัน แต่ไม่เท่ากันเสมอ เช่น:
- กระดาษอาร์ตมัน 250 แกรม บางครั้งจะบางกว่ากระดาษการ์ด 250 แกรม เพราะโครงสร้างเนื้อกระดาษต่างกัน
สรุป: เลือกแกรมอย่างไรให้คุ้มค่าและมืออาชีพ
แกรมเป็นมากกว่าตัวเลขบนสเปคกระดาษ มันคือส่วนสำคัญที่สะท้อนคุณภาพ ความตั้งใจ และภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณ
- เลือกให้เหมาะกับงาน
- สอดคล้องกับงบประมาณ
- คำนึงถึงความทนทานและเทคนิคหลังพิมพ์
- ปรึกษาโรงพิมพ์ก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นความประหยัด ความสวยงาม หรือความคงทน